อุกกฤต สตภูมินทร์ ผู้อำนวยการกองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกล่าวว่า“ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่งนั้นมีความสำคัญต่อความมั่นคงของเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างยิ่ง เพราะระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งที่สมบูรณ์ส่งผลโดยตรงต่อการขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตทางสังคมและเศรษฐกิจ และยังเป็นหลักประกันความยั่งยืนในอนาคตของมนุษย์และระบบนิเวศของโลกอีกด้วยสำหรับแนวปะการังถือเป็นระบบนิเวศที่มีความซับซ้อน และเป็นบริเวณที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุดในทะเลประกอบกับมีการใช้ประโยชน์จากแนวปะการังมากขึ้นทั้งในด้านการประมง และการท่องเที่ยวเพราะฉะนั้นการดูแล อนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรปะการังของประเทศไทยให้เกิดความสมบูรณ์และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนจึงถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งโดยวางแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เน้นการทำงานเชิงรุกและบูรณาการแบบมีส่วนร่วมกับหลายภาคส่วนกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจึงได้ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเอสซีจีในการพัฒนารูปแบบวัสดุสำหรับนำไปใช้ในงานด้านการฟื้นฟูปะการังและปะการังเทียมซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายด้านการฟื้นฟูระบบนิเวศแนวปะการังและทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของรัฐบาลทั้งนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะดำเนินการสำรวจพื้นที่และจัดทำแผนการฟื้นฟูปะการังและจุดท่องเที่ยวดำน้ำ เพื่อกำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมาย สำหรับขยายผลการนำวัสดุหรือปะการังเทียมไปดำเนินการในระยะยาวต่อไปในอนาคต”
ศ.น.สพ.ดร.รุ่งโรจน์ ธนาวงษ์นุเวช คณบดี คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “การดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และบริหารจัดการทรัพยากรและระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งนั้นเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้องค์ความรู้ด้านวิชาการเพื่อรองรับการดำเนินงานในด้านของการบริหารจัดการที่เหมาะสมสำหรับการฟื้นฟูระบบนิเวศแนวปะการังสามารถดำเนินการได้หลายวิธี และหนึ่งในนั้น คือ การฟื้นฟูปะการังที่ดำเนินการกับแนวปะการังโดยตรงด้วยการฟื้นฟูทางกายภาพ (Physical Restoration) เช่น การสร้างฐานลงเกาะของตัวอ่อนปะการังหรือการสร้างปะการังเทียมซึ่งเป็นการปรับปรุงสภาพพื้นที่ให้เหมาะสมต่อการฟื้นตัวของปะการังทำให้แนวปะการังกลับมามีสภาพความอุดมสมบูรณ์และสามารถเอื้อประโยชน์ในแง่ต่างๆ ให้กับสิ่งมีชีวิตในทะเลรวมไปถึงมนุษย์ ซึ่งการคิดค้นและพัฒนารูปแบบวัสดุเพื่อใช้ในการฟื้นฟูแนวปะการัง ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี3D Printingจึงเป็นอีกวิธีที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานด้านการฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ คณะสัตวแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้การสนับสนุนด้านวิชาการที่เกี่ยวข้องกับปะการังพร้อมทั้งติดตามและรวบรวมข้อมูลผลการทดลองเพื่อศึกษา วิจัยและนำข้อมูลไปใช้สนับสนุนการพัฒนารูปแบบวัสดุให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้นในอนาคต”