Facebook เปิดตัวเครื่องมือ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลตามเวลาจริง (Real-Time) ในช่วงเกิดเหตุการณ์วิกฤต
ผู้ใช้ Facebook ที่ร้องขอความช่วยเหลือในช่วงเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติวิกฤตในรูปแบบต่างๆ หรือผู้ที่เสนอความช่วยเหลือแก่ผู้คนที่เผชิญเหตุการณ์วิกฤต สามารถส่งข้อความผ่าน WhatsApp ได้แล้ว
Facebook เสนอวิธีการติดต่อมากกว่าหนึ่งวิธี โดย Facebook ได้กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ผู้ใช้สามารถสื่อสารและ Share ข้อมูลแบบ Real-Time ระหว่างเกิดภัยพิบัติต่างๆ หรือเกิดการโจมตีได้มากขึ้น
Facebook เป็นเครือข่ายโซเชียลของโลกที่มี Hub เรียกว่า Crisis Response ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เรียนรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการร้องขอหรือเสนอความช่วยเหลือในระหว่างเกิดเพลิงไหม้, การยิงเข้าใส่ฝูงชน, แผ่นดินไหว และภัยพิบัติวิกฤตอื่นๆ โดยคุณสามารถตรวจสอบว่าเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวของคุณได้แสดงเครื่องหมายให้รู้ว่า พวกเขาว่าปลอดภัยหรือไม่ในระหว่างเกิดภัยพิบัติ
ผู้ใช้ Facebook ที่ร้องขอความช่วยเหลือ หรือเสนอความช่วยเหลือผ่านหน้าเพจ Crisis Response ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ สามารถใช้ WhatsApp เพื่อส่งข้อความถึงกัน ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาต้องใช้ Facebook Messenger
โดยผู้ใช้จะสามารถแชร์ภาพถ่ายและวิดีโอพร้อมกับข้อมูลแบบ Real-Time ของภัยพิบัติที่เกิด เช่น การปิดถนน อาคารถล่ม ฯลฯ ในหน้าเพจ Crisis Response
"เราได้ยินเสียงเรียกร้องที่ชัดเจนจากผู้คนว่า สิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ คือ ข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงเวลาวิกฤต" Emily Dalton Smith ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์เพื่อสังคมของ Facebook (Director of Social Impact Product at Facebook) กล่าว "สิ่งที่พวกเขาต้องการคือ การรู้ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พวกเขาสามารถหาทางผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ได้"
ในเมื่อ Facebook ได้ให้ผู้ใช้มีวิธีการมากขึ้นในการ Share และสื่อสารในช่วงเวลาวิกฤต บริษัทจึงต้องระมัดระวังเกี่ยวกับผู้ที่ไม่หวังดีอาจจะใช้เครื่องมือนี้ ในการกระจายข้อมูลที่ผิดเพื่อหลอกลวง รวมทั้งการใช้คำพูดเพื่อสร้างความเกลียดชัง
Smith ได้กล่าวว่า ผู้ใช้สามารถรายงานโพสต์ ซึ่งบริษัทได้ใช้เทคโนโลยีควบคู่กับผู้ตรวจสอบที่เป็นมนุษย์ เพื่อติดธงเนื้อหาที่ขัดต่อกฎของ Facebook “ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา” เธอกล่าว
Facebook ยังให้ข้อมูลเพื่อช่วยผู้ที่ต้องการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุวิกฤต ได้แจกจ่ายเสบียงให้กับผู้ที่ต้องการ และหาคนที่ต้องพลัดพรากจากบ้านของพวกเขา ซึ่ง Facebook ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรมากกว่า 100 รายในการตอบสนองต่อภัยพิบัติที่เกิดขึ้น รวมทั้งการช่วยเหลือด้านสาธารณสุข
Laura McGorman, ผู้บริหารด้านนโยบายสำหรับข้อมูลดีๆ ของ Facebook (Policy Lead for Data for Good at Facebook) กล่าวว่า "บริษัทสามารถใช้ข้อมูลตำแหน่งโดยรวมของผู้ใช้ Facebook เพื่อดูจำนวนผู้ประสบเหตุที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ที่เคลื่อนย้ายจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่ง ขณะที่เมื่อก่อน ผู้ที่เผชิญเหตุคนแรกที่ต้องการช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากภัยพิบัติ ต้องพึ่งพาผู้คนในที่เกิดเหตุเพื่อค้นหาว่า คนที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่ในสถานพักพิงใด หรือโรงพยาบาลใด"
“จากการรวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้ Facebook บนโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์ Mobile อื่น ที่เลือกใช้บริการ Location Services คุณสามารถดูได้ว่ามีการปฏิบัติตามคำสั่งการอพยพหรือไม่และนั่นเป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างยิ่ง” เธอกล่าว
Facebook ยังพยายามปรับปรุงการประมาณการว่า มีคนจำนวนเท่าไรที่ต้องพลัดพรากจากบ้านของพวกเขา ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากเพราะผู้คนสามารถเคลื่อนย้ายจากที่อยู่อาศัยได้ด้วยเหตุผลหลายประการ ตอนนี้พวกเขาจึงกำลังทำรายการเกี่ยวปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายจากที่อยู่อาศัย เช่น การเดินทาง และการท่องเที่ยว ในแผนที่ที่แสดงการเคลื่อนย้ายของผู้คนจำนวนมากจากที่อยู่อาศัยของพวกเขา
“เพราะเราต้องการให้แน่ใจว่า เรามุ่งเน้นไปที่ผู้คนที่พลัดถิ่น (อันมีเหตุจากภัยพิบัติ) อย่างแท้จริงและแผนที่ใหม่ของเราได้แสดงให้เห็นเช่นนั้น” McGorman กล่าว
Cr : CNET
Source