แจ็ค หม่ายังได้พูดถึง 3 เป้าหมายที่สำคัญของการใช้เทคโนโลยีในอนาคต คือ
-
การเติบโตอย่างยั่งยืน (sustainable growth)
-
ความเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างเสมอภาค (inclusiveness)
-
เทคโนโลยีต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น (benefit others)
หากเทคโนโลยีไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้ โลกก็จะวุ่นวายมากขึ้น อย่างไรก็ตามการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ใช่ผู้อื่น
ยุคนี้อาจเป็นยุคที่โชคดีที่สุด เพราะคนในรุ่นของเรามีช่วงเวลาที่สงบสุขยาวนานที่สุด และการมีประสบการณ์จากการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ อย่างการปฏิวัติทางวัฒนธรรมและอุตสาหกรรม แต่ในตอนนี้เราต่างก็เผชิญกับความท้าทายใหม่ในการเข้าสู่ยุคที่ขับเคลื่อนด้วย Data และ 5G หลายๆ คนก็ได้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทั้ง 2 ยุคนี้ต่างก็เจ็บปวด แต่การมีความรู้สึกแบบนั้นไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากเราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองและพร้อมรับกับสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะเข้ามา
ในศตวรรษที่ 21 มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง แต่มันยากที่จะเป็นบริษัทที่ดี เพราะบริษัทที่แข็งแกร่งนั้นถูกกำหนดโดยความสามารถทางการค้า ในขณะที่บริษัทที่ดี การมีความรับผิดชอบและการมีจิตใจที่ดี คือพลังที่แข็งแกร่งที่สุด มีผู้คนมากมายบอกกับ แจ็ค หม่า ว่าเขานั้นเป็นคนโชคดีที่บริษัทได้ประสบความสำเร็จมากมาย แต่ที่จริงแล้วอาลีบาบาเองก็ได้ทำผิดพลาดไม่น้อยไปกว่าบริษัทอื่น ๆ แต่สิ่งที่อาลีบาบาทำการตัดสินใจในแต่ละครั้ง อาลีบาบาไม่ได้คิดถึงแค่เรื่องธุรกิจและตัวเงินเพียงอย่างเดียว และนี้คือ 20 ปีที่อาลีบาบายึดมั่นมาตลอด
แจ็ค หม่า ยังได้พูดถึงโอกาสที่ดีของประเทศจีนที่หลายๆ ประเทศไม่ได้มี คือในเรื่องของประชากรจำนวนมากในจีน ทำให้จีนต้องพัฒนาและมีโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจแบบครบวงจร ประเทศจีนจึงสามารถใช้อุปสงค์ของประชากรที่มีจำนวนมากเหล่านี้ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ไม่เพียงแต่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศจีนดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถนำการพัฒนาเหล่านี้มายกระดับเศรษฐกิจโลกได้อีกด้วย ซึ่งแจ็ค หม่า เองก็หวังว่าอาลีบาบาจะมีส่วนร่วมในกระแสโลกาภิวัตน์ในอนาคตนี้ ที่ช่วยสนับสนุนให้บริษัททั่วโลกได้ขายสินค้า