โดยแต่ละแพลตฟอร์ม ก็จะถูกใช้เกณฑ์ทั้ง 6 ด้าน ที่แตกต่างกันออกไป ในส่วนของแพลตฟอร์มเราให้ความสำคัญกับช่องทาง Facebook, YouTube, Twitter และ Instagram ตามลำดับ
Facebook เราเลือกที่จะตัดเรื่องของ Fan, Fan Growth และ Voice ออก และหันมาให้ความสำคัญกับ Interaction, Sharing และ Sentiment เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มหลัก ที่มีผู็ใช้งานมาก ตัวชี้ทั้ง 3 เรื่องที่หยิบมาจึงมีความสำคัญมากกว่ายอด LIKE ที่มีมากแต่ไม่มีประสิทธิภาพในการสื่อสารและใช้งาน
Twitter ได้ตัดเกณฑ์ Fan Growth และใช้เกณฑ์ที่เหลืออีก 5 เกณฑ์ครบทุกตัว ในส่วนของ Instagram ได้หยิบเอาเกณฑ์ในเรื่องของ Fan, Fan Growth, และ Interaction มาวัดผล สุดท้าย Youtube ได้เลือกเอา Fan, Interaction และ Sharing มาเป็นเกณฑ์
ส่วนไฮไลท์ของสีในภาพประกอบ เราได้ย้ำถึงความสำคัญของแต่ละเกณฑ์ที่ใช้คำนวณผลในแต่ละช่องทาง เพื่อให้แบรนด์เห็นว่าการสื่อสารยังขาดองค์ประกอบไหนอยู่บ้าง
“ข้อมูลบน Social มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในตัวแพลตฟอร์ม การใช้งาน และพฤติกรรมผู้ใช้ จากเมื่อก่อนที่เราอิง Facebook และ YouTube เป็นหลัก ตอนหลังเราจะเห็นว่าสื่อที่น่าสนใจมากขึ้นคือ Twitter สื่อที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอยู่แล้วแต่ช่วงหลังก็เริ่มอ่อนลงนั่นคือ Instagram
ยังมีสื่อประเภทใหม่เข้ามาอีกเรื่อยๆ อย่าง TikTok ที่แม้วันนี้จะไม่ได้นำมาเป็นตัววัดผล แต่ก็เป็นสื่อที่น่าจับตามอง เพราะโลกของ Social Media คือโลกของความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หลากหลายมากขึ้น
จนวันนี้กลายเป็น Full Digital 100 % ถ้าเราสังเกตปีที่แล้วปริมาณการไลฟ์ขายของยังมีไม่เยอะขนาดนี้ ตอนนี้ทุกเจ้าไลฟ์ขายของกันอย่างสนุกสนาน สื่อเริ่มเปลี่ยนไป ทำให้ Facebook ไม่ได้เป็นแค่ทำ Content แต่สามารถเป็นหน้าร้าน เป็นแคชเชียร์ เป็นที่พูดคุย เป็นหน้าจอ เป็นที่ปิดการขายได้เลย”
ข้อมูลที่มีมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้น พฤติกรรรมที่ซับซ้อนขึ้น ก็ยิ่งต้องทำความเข้าใจ เรียนรู้ และปรับตัวให้เร็วขึ้นเช่นกัน
กล้า อธิบายต่อไปอีกว่า
“ข้อมูลที่มีปริมาณมหาศาล ทำให้เราต้องสเกลตัวระบบฐานข้อมูลในการทำงานให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่เราใช้ Full AI ในการเลือกข้อมูลทั้งหมด จากที่ก่อนหน้านั้นเป็นการ Hybrid การทำงานระหว่างทีม Data Engineer และทีม AI ที่จะประมวลผล ทำให้การวัดผลยังช้าอยู่ แต่ตอนนี้เราสามารถวัดผลได้เร็วขึ้น
ข้อดีคือ เมื่อไม่มีคน จึงไม่มีการ Bias ต่อแบรนด์ เวลาเอาคนมาทำ Data เป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่คนจะชอบแบรนด์นี้มากกว่า เวลาเห็นข้อมูลแล้ว คนสรุปผลมันจะค้านสายตามนุษย์ การใช้ AI ก็จะยิ่งทำให้ผลมีความเที่ยงตรงแม่นยำมากขึ้น”
แม้ว่าเราจะเริ่มคุ้นเคยกับ Social Media มากขึ้น แต่อุตสาหกรรมนี้ก็ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างรวดเร็ว ลูกเล่น อัลกอริทึมใหม่ๆ ถูกเปลี่ยนและอัพเดทอยู่เสมอ หน้าที่ของเราคือต้องปรับเปลี่ยน เรียนรู้แบบผู้มองเห็นโอกาสและสนุกไปกับทุกการเปลี่ยนแปลง
ผลสำรวจ Thailand's Most Social Power Brand จึงเป็นเหมือนกับกระจกสะท้อนว่าวันนี้แบรนด์สามารถใช้ Social Media ได้มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน หรือการปรับตัวเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงเพียงพอต่อการสื่อสารหรือไม่