วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด อธิบายว่า “เราไม่ได้กลัวแบรนด์จากต่างชาติเลย เพราะประเทศไทยเองเป็นผู้ผลิตและมีวัตถุดิบคือผ้าผืนส่งออกให้กับแบรนด์ที่เป็นท็อป 10 ของโลก ตอนนี้คือเรามีวัตถุดิบเดียวกันกับแบรนด์ที่ขายเสื้อตัวละ 6,000 บาท แต่ไม่มีแบรนด์คนไทยที่จะกล้าลุกขึ้นมาประกาศศักดาว่าของที่เราทำนั้นดีกว่าเขา วันนี้กล้าที่จะเทียบกับแบรนด์ดังในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งเราทำในสิ่งที่ราคาเหมาะสมและคนที่ตัดสินเป็นลูกค้า”
ถ้าดูจากการทุ่มการประมูลเพื่อให้มาซึ่งลิขสิทธิ์ในชุดแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยประกอบกับช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมาวอริกซ์ได้เริ่มขยับตัวออกสู่ตลาดต่างประเทศ อย่าง Lao Toyota F.C. ที่เป็นแชมป์ตลอดการของประเทศลาว ในประเทศมาเลเซียก็ได้ทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นที่ตลาดฟุตซอลเป็นหลัก ในลาวใช้ตัวแทนจำหน่ายที่อยู่ในอุดรธานีและหนองคายอยู่แล้ว วาริกซ์ได้วางงบในการทำการตลาดในต่างประเทศต่อปี ปีนี้ไว้ที่ประมาณ 10 ล้านบาท
นอกจากนี้วาริกซ์ยังขยับตัวออกไปสู่ตลาดในประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดกีฬาของโลกอย่างประเทศญี่ปุ่นโดยกำลังจะเซ็นสัญญากับกีฬาประเภทฟุตซอลในประเทศญี่ปุ่น เป็นฟุตซอลระดับท็อปอย่าง Bardral Urayasu ( บาร์ดราล อูรายาสึ ) เป็นการขยายสินค้า ยกระดับไปสู่ระดับเอเชีย
ถ้ามองแบบเผินก็อาจจะเป็นแนวทางในการเติบโตเพื่อขยายตลาดของแบรนด์ แต่ในเชิงกลยุทธ์วอริกซ์ได้วางเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้นคือการเป็น Key Player ในตลาดระดับเอเชีย ซึ่งการค่อยๆ รุกคืบออกสู่ต่างประเทศทีละน้อยๆ ก็เป็นการติดอาวุธความเเข็งแกร่งให้เับแบรนด์ไปเรื่อย
แต่ดูเหมือนว่าตัวที่จะเป็นหมัดฮุกซับที่แบบชนะน็อคก็คือการใช้สิทธิ์ในชุดเเข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยส่งแบรนด์วอริกซ์ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว เพราะวันนี้วงการฟุตบอลไทยได้ขยับตัวขึ้นเข้าสู่ตลาดในระดับเอเชียแล้ว การที่วอริกซ์ได้สิทธิ์นี้ก็เหมือนกับการทำให้แบรนด์เป็นที่ปรากฎในสายตาของแฟนบอล ผู้เล่น นักเตะ หรือคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในระดับเอเชียเช่นกัน ที่เหลือก็อยู่ที่คุณภาพสินค้าว่าจะทำให้พวกเขายอมรับได้อย่างไร