ปีนี้ ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย มองว่า เป็นปีที่ดีมากปีหนึ่งของธุรกิจ โดยจะมีการขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าเพื่อให้ครอบคลุมตลาดมากยิ่งขึ้นและสร้างความตื่นเต้นให้กับธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค
“เราได้ปรับเป้าหมายเพื่อมุ่งเป็นบริษัทที่เน้นในเรื่องวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับอนาคต เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและยืนหยัดในธุรกิจในทุกสถาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป” มร แคนเดลิโน กล่าว
เพื่อให้สอดคล้องต่อยุค ดิจิทัล ดิสรัปชั่น ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทยยังมีการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิทัลโดยก่อตั้งศูนย์ดิจิทัลขึ้นในประเทศไทยเพื่อใช้สำหรับการฝึกอบรมทักษะความรู้ด้านดิจิทัลต่างๆ สำหรับพนักงาน
ยูนิลีเวอร์ มีความเชื่อในพื้นฐาน 3 ประการที่ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินกิจการทางธุรกิจต่าง ๆโดยบริษัทเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า แบรนด์ที่มีวัตถุประสงค์จะเติบโต บุคลากรที่มีเป้าหมายจะเติบโต และบริษัทที่มีเป้าหมายจะอยู่ได้ยาวนาน
ในการทำธุรกิจท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของตลาดในขณะนี้ ยูนิลีเวอร์ ให้ความสนใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในหลายภาคส่วน ได้แก่ ผู้บริโภค ลูกค้า พนักงาน สังคม โลก และผู้ถือหุ้น
ภายใต้โมเดลการทำธุรกิจใหม่นี้ มร. แคนเดลิโน มีความมั่นใจว่า ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย จะสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคคนไทยได้อย่างดี ท่ามกลางความท้าทายของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น
ในขณะนี้ ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลของเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ผู้บริโภคกำลังมองหาไลฟสไตล์สุขภาพที่ดีขึ้นและมีความตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน นอกจากนี้การเข้าถึงของสินค้าที่หลายหลายได้ปรับเปลี่ยนไป โดยมีการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มบนมือถือและอีคอมเมอรช์มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ลูกค้ามีความเป็นตัวของตัวเองสูง โดยต้องการสินค้าที่ตนเองชอบ ในเวลาที่ต้องการ และจะซื้อในราคาที่ตนเองอยากจ่ายเท่านั้น
เมื่อปี 2561 ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ได้นำแผนดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน (Unilever Sustainable Living Plan) มาใช้ขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภค ยกระดับคุณภาพชีวิต และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม