2. ยอด Organic Reach ของเพจในตอนนี้มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 6.4% ของจำนวนผู้ใช้งาน ที่ติดตามเพจทั้งหมด
ตามการศึกษาล่าสุด นักการตลาดทั่วโลกอาจจะเคยได้ยินมาว่า ยอด Organic Reach นั้นอยู่ที่เพียง 2% จากจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยอดนั้นมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 6.4% เลยทีเดียว จริงอยู่ที่ยอดไลค์นั้นสำคัญมากสำหรับการวัดประสิทธิภาพของคอนเทนต์ แต่การให้ความสำคัญกับการทำคอนเทนต์ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นจะมีผลต่อการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคมากกว่า
3. ผู้ใช้งานกว่า 47% มาจากการใช้งานผ่าน Mobile App
นั่นแปลว่า เกือบครึ่งนึงของผู้ใช้งานทั้งหมดนั้น มาจากการใช้งานผ่านมือถือ เพราะพวกเขาสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มได้ตลอดเวลา สิ่งนี้สำคัญมากสำหรับคุณคือการที่ต้องพยายามมองหาคอนเทนต์ในรูปแบบที่เข้ากันได้ดีกับ Device ที่ใช้งาน เช่น การใช้งานภาพและวิดิโอแบบ vertical การปรับปรุงเว็บไซต์ที่เมื่อคลิกไปแล้วเป็นแบบ Responsive หรือการพยายามละเว้นการโพสท์แคปชั่นที่ยาวมากและดึงดูดให้คนอ่านต่อ
4. งานศึกษาหนึ่งกล่าวว่า การตั้งชื่อหัวข้อคอนเทนต์บน Facebook นั้นควรยาวไม่เกิน 4 คำ และ 15 คำสำหรับ link description
สั้นๆสิดี ยิ่งคุณสามารถรวบรัดใจความของชื่อหัวข้อและเหล่า link description ได้มากแค่ไหน โอกาสที่คุณจะกระตุ้นความสนใจให้คนอยากจะคลิกมาดูต่อนั้นยิ่งเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่ม CTR % ให้กับคอนเทนต์ของคุณได้
5. วีดีโอที่ตั้งค่าให้เล่นอัตโนมัตินั้นก่อความรำคาญแก่ผู้ใช้งานกว่า 80%
หลายครั้งคนใช้งาน Facebook ในที่สาธารณะเช่น รถไฟ ในห้องเรียนหรือในคิวขณะกำลังยืนรออาหาร พวกเขาไม่ต้องการได้รับสายตาอันดูถูก ดูแคลนหากโฆษณาดันโผล่ขึ้นมาพร้อมเสียงในที่สาธารณะเป็นแน่ ดังนั้น พวกเขาเลือกที่จะตั้งค่าให้การเล่นวิดิโอเป็นแบบไร้เสียง เมื่อเป็นดังนี้ คุณจะต้องมั่นใจว่า ในวิดิโอนั้นจะต้องสร้างความเข้าใจได้แม้ไม่ได้ดูด้วยเสียง เช่นการใส่ subtitle หรือตลอดจนการมีสัญลักษณ์บางอย่างเพื่อเตือนให้ผู้ใช้งานเปิดฟังเสียงขณะชมวิดิโอ
6. วีดีโอที่มีการใส่คำอธิบายเสียงร่วมกับการใส่คำบรรยายช่วยเพิ่มเวลาที่ใช้ในการรับชมวิดิโอมากขึ้นถึง 12%
สืบเนื่องจากสิ่งที่เรารู้ในข้อ 5 ที่ผ่านมา การใส่คำบรรยายเสียงและคำบรรยายบทพูดนั้นช่วยให้ผู้ชมวิดิโอสามารถเข้าใจและอยู่รับชมวิดิโอได้ไม่ว่าจะเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
7. เรามีเวลาเพียงแค่ 3 วินาทีในการกระตุ้นและดึงความสนใจของผู้ชมวิดิโอ
3 วินาทีดูเหมือนไม่มีอะไร แต่วิดิโอของคุณสามารถใช้เวลาเท่านั้นในการกระตุกความสนใจของผู้รับชมได้อย่างมหาศาล อย่าลืมหลักการเรื่องตั้งชื่อวิดิโอให้สั้นเพื่อให้คนสนใจอยากเข้ามาดู แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า อย่าเผยเรื่องราวทั้งหมด เพราะการมีเรื่องที่น่าสนใจในเนื้อหาวิดิโอที่เหลือจะเสมือนการมีรางวัลอันงดงามให้แก่ผู้ชมของคุณ
8. โพสท์สั้นๆ ได้รับอัตราการมีส่วนร่วมมากกว่าโพสท์ยาวๆ ถึง 23%
พยายามทำให้โพสท์ของคุณนั้นสั้นและได้ใจความ เพราะพวกเขามักเสพคอนเทนต์ของคุณระหว่างที่ตัวเองไม่อยู่เฉยๆ อาจกำลังเดินทางหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นอยู่ ดังนั้น คุณต้องทำให้เขาเข้าใจมันได้ในระยะเวลาอันสั้น
9. คอนเทนต์แบบวิดิโอได้รับการแชร์มากกว่าคอนเทนต์แบบภาพนิ่ง
เป็นเรื่องที่ดีมาก หากคุณได้พยายมนำวิดิโอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนการตลาดออนไลน์ของคุณบน Facebook เพราะจากการสำรวจแล้ว เราพบว่า อัตราการแชร์คอนเทนต์โดยเฉลี่ยของวิดิโอนั้น ทั่วโลกอยู่ที่ราว 89.5 ครั้งต่อการโพสท์วิดิโอหนึ่งครั้ง (รวมทั้งแบบ Paid และ Organic) ตัวอย่างด้านล่างนี้คือ แบรนด์เดียวกันที่ชื่อ Glossier เมื่อโพสท์วิดิโอนั้น ได้รับการแชร์ไปถึง 15 ครั้งแต่เมื่อพิจารณาคอนเทนต์แบบภาพนิ่ง จะพบว่ามีเพียง 1 แชร์ทั้งๆที่เป็นการพยายามอธิบานสินค้าแบบเดียวกัน