ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นตัวช่วยในการเปิดเข้าสู่โอกาสทางการตลาดให้กับธุรกิจค้าปลีกในเครือของกลุ่มเซ็นทรัลได้เป็นอย่างดี โดย ทศ จิราธิวัฒน์ พูดไว้ในงานแถลงข่าวร่วมทุนอย่างเป็นทางการว่า ปัจจุบัน ฟิสิคัล แพลตฟอร์มที่กระจายทั่วประเทศของกลุ่มเซ็นทรัลนั้น ลูกค้าสามารถเข้าถึงหรือมาที่ร้านค้าได้ในระยะเวลาไม่เกิน 30 นาที แต่การร่วมทุนกับแกร็บในครั้งนี้ แทนที่จะรอให้ลูกค้าเข้ามาหา กลุ่มเซ็นทรัลจะเดินเข้าไปหาลูกค้าเอง โดยจะใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที ในการเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ เป็นการผสานจุดแข็งที่ลงตัวของฟิสิคัล แพลตฟอร์มกับออนไลน์ แพลตฟอร์ม ของแกร็บได้อย่างลงตัว
ที่สำคัญ ยังเป็นการเปิดโอกาสในการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจต่างๆ ที่อยู่ในเครือของกลุ่มเซ็นทรัลได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็คือ การทำตลาดร้านอาหารของบริษัทในเครืออย่างซีอาร์จีที่แม้จะมีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่ในช่วงที่ผ่านมา โอกาสที่ลูกค้าจะเข้ามากินหรือมาใช้บริการในร้านทุกวันนั้นแทบจะไม่มี แต่เมื่อมีบริการฟู้ด ดิลิเวอรี่ของแกร็บเข้ามาช่วยเติมเต็ม จะทำให้สามารถเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น
หรืออย่างตัวสินค้าประเภทอาหารสดของท็อปส์ ที่ผู้บริโภคต้องบริโภคอาหารอยู่แล้วเป็นประจำทุกวัน หากมีเซอร์วิสที่ทำให้พวกเขาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โอกาสในการขายก็มีมากขึ้นตามไปด้วย
ถือเป็นการปลั๊กอินจุดแข็งของแกร็บในเรื่องของเซอร์วิส เข้ากับจุดแข็งของกลุ่มเซ็นทรัลที่มีเครือข่ายของฟิสิคัล สโตร์กระจายอยู่ทั่วประเทศที่พร้อมจะถูกดึงเข้ามาเสริมในการให้บริการแบบ O2O ของกลุ่มเซ็นทรัลถัดจากนี้ไปให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ทั้ง 2 ส่วนที่กล่าวมา เป็นภาพตัวอย่างขั้นต้นที่เชื่อว่าจะมีการพัฒนาการให้บริการอื่นๆ ที่แกร็บยังไม่มี ออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การให้บริการแอพพลิเคชั่นสำหรับการจองโรงแรมในเครือเซ็นทรัล เป็นต้น
กลุ่มเซ็นทรัลพยายามขับเคลื่อน “นิวเซ็นทรัล นิวอีโคโนมี่” ให้มีความสมบูรณ์แบบในทุกดิจิทัล ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์ม ก่อนหน้านั้น การร่วมทุนกับเจดี ดอทคอม ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่จะเข้ามาเติมเต็มในส่วนของอีคอมเมิร์ซของกลุ่มเซ็นทรัลให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยจะเข้ามาช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการช้อปปิ้งสินค้าของกลุ่มเซ็นทรัลในทุกที ทุกเวลา และทุกโอกาสที่อยากจะช้อปปิ้ง
สิ่งที่ตามมากับการร่วมทุนในครั้งนั้น ยังเป็นการเปิดโอกาสเข้าไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ อย่างไฟแนนเชียล โซลูชั่น โดยเฉพาะกับการเข้าถึงโอกาสของกลุ่มที่ไม่สามารถใช้บริการสินเชื่อของสถาบันการเงินที่เป็นธนาคาร เป็นต้น
ญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การทำ Strategic Partner ในรูปแบบของการร่วมทุนนี้ กลุ่มเซ็นทรัลจะดูว่า พันธมิตรที่จะร่วมทุนสามารถนำมาปลั๊กอินเพื่อช่วยเติมเต็มในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นิวเซ็นทรัล นิวอีโคโนมี่ ได้หรือไม่ โดยเฉพาะกับการช่วยเพิ่มออนไลน์ ทราฟิก ที่ช่วย Fulfillment ให้กับออฟไลน์ ได้เป็นอย่างดี กลุ่มเซ็นทรัลจะมีการลงทุนทุกๆ ปีในวงเงิน 4 – 5 หมื่นล้านบาทต่อปี งบลงทุนส่วนหนึ่งจะถูกใช้ในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับดิจิทัลไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์มที่อาจจะมาในรูปของการร่วมทุนกับบริษัทที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ ที่กลุ่มเซ็นทรัลมองว่าจะสามารถเข้ามาช่วยต่อยอดและเสริมซึ่งกันและกันได้
“O2O จะเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างชัยชนะในช่วงเวลาถัดจากนี้ไป โดยจะเป็นตัวช่วยผลักดันให้สามารถเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อย่างแท้จริง กลุ่มเซ็นทรัลจึงให้ความสำคัญกับการลงทุนในเรื่องของดิจิทัล ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์ม อย่างไรก็ตาม ตัวฟิสิคัล แพลตฟอร์มก็ยังคงมีความสำคัญที่โดยกลุ่มเซ็นทรัลจะลงทุนต่อเนื่องในการสร้างศูนย์การค้าใหม่ๆ ในหลากหลายฟอร์แมตเพื่อให้สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้ ฟิสิคัล แพลตฟอน์ม จะเข้ามาช่วยเสริมให้ดิจิทัลแพลตฟอร์มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เราจึงต้องมีการลงทุนควบคู่กันไป”