ความไม่นิ่งคือความท้าทายของ อริยะ แต่ถึงอย่างไรธุรกิจก็ต้องเดินหน้า กระบวนการคิดที่น่าสนใจของเขาทำให้ชีวิตการทำงานของอริยะ ค่อยๆ พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ
“เมื่อไม่นานผมได้คุยกับคนๆ หนึ่ง...เขาได้ทำงานแล้วบอกผมว่า ไม่ถนัดกับงานนี้ ขอลาออกดีกว่า ผมก็บอกว่า จริงๆ แล้วคิดได้ 2 มุม คือ การทำสิ่งที่ไม่ถนัด นั่นคือสิ่งที่ควรจะเรียนรู้กับการที่คุณทำในสิ่งที่ถนัดทำไปสิบปี ยี่สิบปี คำถามต่อมาคือ แล้วคุณเพิ่มมูลค่าให้ตัวคุณเองยังไง
การสร้างมูลค่าได้ ก็ต้องเรียนรู้จากสิ่งที่เราไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคย ถ้าทำในสิ่งที่คุ้นเคย คุณก็จะได้แค่นั้น เพราะฉะนั้นผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดมันอยู่ที่ Mindset ของคนเรา”
ความคิดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของ อริยะ และเมื่อเวลาผ่านไป ประสบการณ์ก็ได้สอนวิธีคิดแบบใหม่ให้กับเขา
“ในช่วงที่ทำงานที่ทรู ผมทำงานค่อนข้างใกล้ชิดกับคุณศุภชัย ผลจากตรงนั้นทำให้วิธีการทำงานเปลี่ยนไปจากที่เคยทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทิศทางหรือเป้าที่สูงมาก ช่วงนั้นผมคิดในใจเลยว่า...เหนื่อย
เมื่อ CEO มองเป้าที่ใหญ่มาก สูงมาก ผมยอมรับว่าบางครั้งก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงตั้งสูงขนาดนี้ จะทำได้หรือ? เป็นไปได้หรือ? แต่ในเมื่อมันเป็นเป้าหมาย หน้าที่เราก็ต้องทำ ผมก็สู้ จนวันหนึ่งผมก็ได้เข้าอบรมของบริษัทที่จัดให้ผู้บริหารรุ่นใหม่ โจทย์ของการอบรมครั้งนี้คือ คุณอยากได้อะไรภายใน 6 เดือน...
ผมทบทวนอยู่นานสุดท้าย คำตอบของผมคือ อยากคิดเป็นแบบ CEO หลังจากการอบรมนั้นก็ทำให้ผมได้คำตอบ และเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงความคิดของผมไปได้เยอะ วันนั้นผมอยากเข้าใจว่า CEO คิดยังไง เพราะก่อนที่เราจะได้เป็น CEO เราต้องคิดแบบ CEO ให้ได้ก่อน และอันนั้นคือสิ่งที่ทำให้มันเปลี่ยนภาพความคิดไปเลย
Mindset ของผมก็ถูกปรับเปลี่ยนไปอีกครั้ง หลังจากนั้นผมก็ได้มาร่วมงานกับ Google แน่นอนว่าสเกลใหญ่ระดับโลก นิยามของกูเกิล ก็คือคิดอะไรให้เป็น 10 เท่า อันนั้นคือสิ่งที่ผมคิดและนำมาใช้ในการทำงานจนถึงวันนี้ กับ LINE ก็เช่นกัน ผมมองอะไรที่เป็นภาพใหญ่และยิ่งทำให้เห็นความชัดเจน หันซ้าย หันขวา นั่นคือโอกาส ทุกอย่างมีโอกาสมากมายมหาศาล นั่นคือความท้าทายอย่างมากสำหรับชีวิตการทำงาน”
การก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่อายุไม่มาก สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของเขาอย่างแท้จริง อริยะ เล่าต่ออีกว่า สิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่เพราะตัวเพียงคนเดียว แต่นั่นเกิดจากทีมที่แข็งแกร่ง
“เอาจริงๆ ส่วนตัวไม่ได้จะสร้างแบรนด์ของตัวผมเอง แต่ในขณะเดียวกันผมก็พร้อมที่จะแบ่งปันความรู้อยู่เสมอเพราะจุดหนึ่งของความฝันคืออยากเป็นอาจารย์ อยากมีโอกาสแชร์ในสิ่งที่เราเรียนรู้ทั้งสิ่งที่ดี และสิ่งที่เราผิดพลาด
หนึ่งในหน้าที่ของผมคือไม่ใช่แค่การสร้างธุรกิจ แต่มันคือการสร้างทีม ผมจะพูดเสมอว่าเราจะสร้างทีมไว้ให้ดีที่สุด ต่อให้วันที่เราไม่อยู่เขาต้องอยู่ได้ พูดง่ายๆ คือ...ทีมต้องอยู่ได้โดยไม่ต้องมีเรา อันนั้นคือสิ่งที่เป็นจุดประสงค์ที่สะท้อนตัวผม”