เมื่อเราได้ยินคำว่า AR ก็มักจะได้ยินร่วมกับคำว่า VR ซึ่งย่อมาจาก Virtual Reality เป็นเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน ต่างกันที่ VR คือการจำลองโลกเสมือนขึ้นมาและเข้าถึงได้จากอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น แว่น Oculus Rift, Play Station VR เป็นต้น จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี AR นั้นมีมาตั้งแต่ปี 2010 และถ้านึกถึงเทคโนโลยี AR ส่วนใหญ่ที่ผู้คนนึกถึงก็จะเป็นในด้าน Game และ Entertainment กันเป็นหลัก เนื่องจากในช่วง 2–3 ปีมานี้ แอพพลิเคชันที่เป็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AR ได้เป็นอย่างดีเลยก็คือ Pokemon Go ที่เคยฮิตไปเมื่อหลายปีก่อนที่ใครๆก็ต่างมาออกมาจับ โปเกมอน
การนำเอา เทคโนโลยี AR เข้ามาใช้ทางด้านแบรนด์และโฆษณานั้น สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ หากนำเอาไปใช้ให้ตรงจุดและเข้าถึงผู้บริโภค อีกทั้งยังมีข้อดีอีกหลายข้อ อย่าง การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ เพิ่มประสบการณ์ร่วมระหว่างแบรนด์กับลูกค้า
แน่นอนว่าหากว่า AR นั้นๆมีความน่าสนใจ ก็อาจจะมีการต่อยอดเช่นการซ่อน Coupon ไว้ เพื่อสร้างโอกาสในการขายครั้งต่อๆ ไป หรืออีกมุมก็ยังทำให้ผู้บริโภคได้ทำกิจกรรมกับแบรนด์ในช่วงเวลาที่อยู่ในร้าน
นี่คงเป็นตัวอย่างของการนำ AR มาใช้กับการสร้างแบรนด์ Key สำคัญไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่อยู่ที่ไอเดีย และความคิดสร้างสรรค์ล้วนๆ