“ตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เป็นตลาดขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มสกินแคร์ ผลตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคและกลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากมีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ Beauty Buffet ซึ่งมีความหลากหลาย มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และราคาไม่แพง เชื่อว่าหากขยายสาขาครอบคลุมในทุกประเทศ จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ Beauty Buffet มียอดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นจากการหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น สร้างความนิยมในตราสินค้าให้เกิดขึ้นพร้อมกันทุกประเทศ” ดร.พีระพงษ์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าของการขยายตลาดต่างประเทศตั้งแต่ต้นปีถึงช่วงไตรมาส3 บริษัทฯได้จับมือพันธมิตร Tmall , JD.com และอีคอมเมิร์ชรายใหญ่ของประเทศจีนจำนวน 4 ราย, กลุ่มประเทศ CLMV ได้ดำเนินการเปิดสาขาเพิ่ม Shop License ในพม่า 2 สาขา เวียดนาม 4 สาขา และลาว 2 สาขา ซึ่งมีอัตราการเติบโตของยอดขายอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ พาร์คสัน ห้างค้าปลีกรายใหญ่ของมาเลเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งบริษัทฯมีการวางแผนขยายตลาดเพิ่มขึ้นในประเทศ อินโดนีเซีย และกัมพูชา นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการแต่งตั้งตัวแทนเพื่อขยายตลาดต่างประเทศอนาคตเพิ่ม โดยประเทศกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ประเทศรัสเซีย และอินเดีย โดยบริษัทมุ่งเน้นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก มีตลาดรองรับขนาดใหญ่ ทั้งนี้บริษัทเชื่อมั่นว่าในปี 2561 ผลประกอบการจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้